เครียดลงกระเพาะ เกิดจากอาการเครียดที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรค สามารถเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย บางคนสามารถจัดการกับความเครียดได้ แต่บางคนสะสมความเครียดจนมีอาการปวดท้องและคลื่นไส้จนเกิดโรคที่เรียกกันว่า โรคเครียดลงกระเพาะ ซึ่งโรคนี้เกิดจากความเครียดที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นจนทำให้เกิดอาการผิดปกติได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
เครียดลงกระเพาะ คืออะไร
เครียดลงกระเพาะ คือภาวะความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะในระบบย่อยอาหารที่เกิดจากความเครียด รวมทั้งทำให้โรคประจำตัวที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารมีอาการทรุดหนักลง ซึ่งอวัยวะต่างๆ ในส่วนนั้นมีเส้นประสาทอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดความเครียด สมองจะสั่งการให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากกว่าปกติ และกระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้บีบตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้ในช่องท้องมีการระคายเคือง
โรคเครียดลงกระเพาะไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ทำให้เสียชีวิตได้ แต่มักโรคเรื้อรังที่รบกวนต่อคุณภาพชีวิตเพราะอาการมักจะเป็น ๆ หาย ๆ หรือบางครั้งอาจมีอาการรุนแรงได้เป็นช่วงๆ แต่หากมีอาการเครียดลงกระเพาะผิดปกติที่เป็นสัญญาณเตือน เช่น น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ กลืนลำบาก กลืนเจ็บ ถ่ายดำหรืออาเจียนเป็นเลือด กินอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเรื้อรัง หรืออ่อนเพลียผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่าเสี่ยงมีอาการแทรกซ้อนหรือเป็นภาวะของโรคร้ายแรงอื่น ๆ หรือไม่ เช่น โรคมะเร็งในช่องท้อง
อาการของโรค
โรคเครียดลงกระเพาะ มีอาการดังนี้
- ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่
- กินแล้วอิ่มเร็ว อิ่มนาน
- แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่
- กินได้น้อยลง
- คลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกไม่สุขสบายในช่องท้อง
- ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
- เรอ สะอึก หรือผายลมบ่อย
- มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
- ปวดเมื่อยตามตัว
- เสียดแน่นหน้าอก
- ขับถ่ายออกมาเป็นสีดำ หรือมูกเลือด
การป้องกันโรคเครียดลงกระเพาะ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- ความเครียด และการวิตกกังวล
- อาหารรสจัด และอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล หรือโซเดียมในปริมาณสูง
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือชา กาแฟ น้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนสูง
- การสูบบุหรี่
สิ่งที่ควรทำ
- รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ เช่น เนื้อปลา
- รับประทานผัก ผลไม้ นมรสเปรี้ยว และโยเกิร์ต ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาหารเหล่านี้ มีจุลินทรีย์ที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในร่างกาย ส่งผลให้ระบบทางเดินอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เมื่อมีความเครียด ควรปรึกษาปัญหาจากบุคคลรอบข้างที่ไว้ใจได้ หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น นักจิตวิทยา
- ฝึกการหายใจ และทำสมาธิ
จัดตารางการทำงานในแต่ละวัน
เครียดลงกระเพาะมีความเครียดที่เกิดจากการทำงานเป็นสาเหตุหลัก ดังนั้นก่อนเริ่มทำงานในแต่ละวัน ควรจัดตารางในการทำงานให้ดีว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้างและลำดับความสำคัญว่าควรทำอะไรก่อนหลัง จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวม กำหนดเวลางานแต่ละชิ้นได้เหมาะสม แต่ถ้างานที่ต้องรับผิดชอบมีมากเกินไปหรือรู้สึกว่าควบคุมไม่ไหว ควรขอความช่วยเหลือหรือพูดคุยหาทางแก้ปัญหากับหัวหน้างานโดยตรง
วิธีป้องกัน โรคเครียดลงกระเพาะที่ดีที่สุด คือ การเอาตัวเองออกมาให้พ้นจากความเครียดให้ได้มากที่สุด ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อจะไม่เสี่ยงกับโรคนี้
ผลกระทบจากภาวะเครียดลงกระเพาะ
- มีกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น หรือมีการหลั่งกรดในการย่อยอาหารน้อยลง
- เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดอาหาร
- หลอดอาหารมีการบิดเกร็งมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน
- การเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรียชนิดไม่ดี
- ลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
- ลำไส้ใหญ่มีการตอบสนองต่อความเครียด ส่งผลให้การขับถ่ายมีความผิดปกติ
ผลกระทบอื่น ๆ ที่อาจเกิดตามมาของผู้ป่วยเครียดลงกระเพาะ ได้แก่
- ท้องอืด หรือภาวะอาหารไม่ย่อย เกิดจากการหลั่งกรดที่จำเป็นต่อการย่อยน้อยลง
- แบคทีเรียชนิดไม่ดีเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี
- ทำให้เสี่ยงติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย เพราะระบบภูมิคุ้มกันทำงานน้อยลง
- ลำไส้ใหญ่ตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย
- ความเครียดยังกระตุ้นให้อาการของโรคระบบทางเดินอาหารแย่ลงได้ เช่น ลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน เป็นต้น
นอกจากนี้ โรคเครียดลงกระเพาะยังกระตุ้นก่อให้เกิดภาวะความผิดปกติ และโรคต่างๆ ได้แก่
- โรคลำไส้แปรปรวน
- ลำไส้อักเสบ
- กระเพาะอาหารอักเสบ
- แผลในกระเพาะอาหาร
- ท้องผูก
- ท้องเสีย
การรักษาภาวะเครียดลงกระเพาะ
การปรับพฤติกรรม
- รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ และตรงเวลา
- ทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง และนั่งสมาธิ
- วางแผนการทำงาน และจัดสรรเวลาชีวิตให้มีความสมดุลกัน
- พบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา และทำการวินิจฉัยโรคอื่นๆ เพิ่มเติม
ผู้ที่มีอายุ 18-35 ปี จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเครียดลงกระเพาะมาก ควรทำการป้องกันไม่ให้เกิดความเครียด รวมทั้งการผ่อนคลายอย่างเหมาะสม เพราะนอกจากผลกระทบต่อทางร่างกายแล้ว ยังสามารถทำให้จิตใจผิดปกติตาม ทั้งนี้ผู้ป่วยจากภาวะเครียดลงกระเพาะ และทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว แต่อาการยังไม่บรรเทาลง หรือแย่ขึ้นเรื่อยๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และรักษาให้ตรงจุดเกิดโรค
โรคเครียดลงกระเพาะสามารถรักษาให้หายขาดได้ วิธีการก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องเสียเงินมากมาย อยู่ที่ใจเราจะปรับอารมณ์ไม่ให้เครียดจนเกินไปได้ไหมเป็นสำคัญที่สุด เช่น หากิจกรรมผ่อนคลาย หัวเราะบ้าง คุยเล่นกับเพื่อนบ้าง ดูรายการตลกบ้าง เป็นต้น ส่วนวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยให้หายจากโรคนี้ ได้แก่
• ทานอาหารให้ตรงเวลาและครบ 3 มื้อ จะช่วยให้กระเพาะอาหารเคยชินกับการย่อย และปล่อยน้ำย่อยออกมาในปริมาณที่พอดี
• เลิกสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด รวมถึง ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ
• หยุดกินยาแอสไพริน ยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบ ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ เพราะยากลุ่มนี้มีฤทธิ์กระตุ้นให้กระเพาะอาหารเกิดการอักเสบมากขึ้น ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาบางชนิด ให้สอบถามแพทย์ก่อนใช้ยา
• ออกกำลังกาย ทุกครั้งที่ออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนโดฟินออกมา ทำให้รู้สึกสบายใจ และช่วยลดความวิตกกังวลได้
• ระบายความเครียดออกมาบ้าง การเล่าความเครียดให้ผู้อื่นฟัง หรือจดบันทึกส่วนตัวสามารถช่วยระบายความเครียดได้เป็นอย่างดี
• หากมีความเครียดที่เกิดจากการหมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ในอดีต หรือเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ให้หมั่นดึงจิตใจให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน มีสติ ยอมรับความจริง และคิดหาทางแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ
อาหารที่ควรเลี่ยงเมื่อเครียดลงกระเพาะ
เมื่อเกิดภาวะความตึงเครียดในร่างกายทำให้เกิดโรคเครียดลงกระเพาะ ระบบย่อยอาหารในร่างกายจะหยุดชะลอการดูดซึมลงชั่วคราว ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ ผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การเลือกบริโภคอาหาร และเครื่องดื่ม มีข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด เช่นต้มยำกุ้ง ต้มยำปลา หมูมะนาว กุ้งแช่น้ำปลา
- หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน เช่น ปอเปี๊ยะทอด ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลา เผือกทอด เต้าหู้ทอด
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น แหนม มะม่วงดอง ฝรั่งดอง
- หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารที่มีน้ำตาลมาก
- ควรบริโภคอาหารอ่อน อาหารย่อยง่าย รสจืด เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก
- งดเครื่องดื่ม น้ำอัดลม และกาแฟ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- ควรบริโภคอาหารให้ตรงต่อเวลาทุกมื้อ
- ควรบริโภคอาหารให้ครบทั้งสามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น
การจัดการความเครียดสามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ เพียงลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ออกกำลังกายให้พอดี เพื่อกระตุ้นหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ หรือจะฟังเพลง เล่นโยคะ ฝึกสมาธิ หรืออาจจะปรึกษาครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง เพื่อพูดคุยระบายความเครียดก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้สบายใจขึ้นได้ สำหรับในบางรายที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ด้วยตนเอง แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยแนะนำวิธีรับมือกับความเครียดและเปลี่ยนมุมมองกับปัญหาที่เจอ และเป็นการป้องกันการเกิดโรคเครียดลงกระเพาะ
เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- กรดไหลย้อน เกิดจากสาเหตุหลักคือกินแล้วนอน
- โรคตาแดง เกิดจากอะไร เป็นแล้วกี่วันหาย
- พังผืดทับเส้นประสาท มีอาการและวิธีรักษาอย่างไร
- แพ้อาหาร มีอาการอย่างไร
ที่มาของบทความ
- https://www.vichaiyut.com
- https://www.rama.mahidol.ac.th
- https://www.petcharavejhospital.com
- https://www.gedgoodlife.com
- https://biocian.com
- https://www.istockphoto.com/1382291599-443114459
- https://www.istockphoto.com/1372482262-441570674
ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ trc168.net
สนับสนุนโดย ufabet369